“สารพิษในเลือด” สามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง และอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ แหล่งที่มาของสารพิษในเลือด
“สารพิษในเลือด” สามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง และอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ แหล่งที่มาของสารพิษในเลือด เช่น
การสัมผัสกับมลภาวะในสิ่งแวดล้อม โดยมลพิษเหล่านี้อาจรวมถึงโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม ยาฆ่าแมลง สารเคมีทางอุตสาหกรรม มลพิษทางอากาศ และสิ่งปนเปื้อนในอาหารและน้ำ
หรือการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มบางชนิด ก็สามารถนำสารพิษเข้าสู่กระแสเลือดได้ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การนิยมทานอาหารแปรรูปที่มีสารปรุงแต่ง และอาหารที่มีการปนเปื้อนแบคทีเรียหรือสารพิษ และสาเหตุของการเกิดสารพิษในเลือดนั้นก็มาจากปัจจัยอีกหลายประการเลยทีเดียว ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการบำบัดที่เรียกว่า Chelation therapy กัน
Chelation therapy คือ แนวทางการรักษาทางการแพทย์ที่ออกแบบมาเพื่อกำจัดโลหะหนักและแร่ธาตุออกจากกระแสเลือดของเรา โดยเป็นการนำสารคีเลต ซึ่งเป็นสารที่สามารถจับกับโลหะหนักได้ และก่อให้เกิดสารประกอบที่ละลายน้ำได้ อีกทั้งยังมีความเสถียร ซึ่งสามารถขับออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะได้ การบำบัดด้วยคีเลชั่น เป็นวิธีในการกำจัดสารพิษจากโลหะหนัก เช่น พิษจากตะกั่วหรือปรอท ออกจากร่างกาย
1. การบำบัดจากการใช้ สารคีเลต เช่น EDTA
สารคีเลต เช่น EDTA (กรดเอทิลีนไดเอมีนเตตราอะซิติก) จะเข้าไปจับกับโลหะหนักและแร่ธาตุในกระแสเลือด และก่อตัวเป็นสารเคมีเชิงซ้อน สารเหล่านี้สามารถกำจัดออกจากร่างกายได้ผ่านทางปัสสาวะ การบำบัดด้วยคีเลชั่น ช่วยลดความเข้มข้นของโลหะหนักในเลือด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. กำจัดโลหะหนัก
การใช้คีเลชั่นบำบัด มีประสิทธิผลในการรักษาพิษเฉียบพลันจากโลหะหนัก เช่น พิษจากตะกั่ว ปรอท หรือสารหนู ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
3. การบำบัดด้วยคีเลชั่น ผ่านทางหลอดเลือดดำ
โดยทั่วไปการบำบัดด้วยคีเลชั่นจะมีการส่งสารบำบัดเข้าไปทางหลอดเลือดดำ (IV) โดยที่สารคีเลตจะค่อย ๆ ซึมเข้าสู่กระแสเลือด ระยะเวลาในการบำบัดขึ้นอยู่กับผู้เข้ารับบริการแต่ละคน และความเข้มข้นของโลหะที่มีอยู่ในกระแสเลือด
4. การตรวจสอบ และความปลอดภัย
ในระหว่างการบำบัดด้วยคีเลชั่น ล้างสารพิษในเลือด ผู้เข้ารับบริการจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อเฝ้าระวังผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อน การบำบัดด้วยคีเลชั่นอาจมีผลข้างเคียง เช่นอาจมีอาการแพ้ได้ ดังนั้นจึงควรได้รับการดูแลภายใต้การดูแลของแพทย์
5. ระยะเวลาการรักษา
ระยะเวลาในการทำคีเลชั่นบำบัด จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพของผู้ป่วยแต่ละราย ในกรณีที่ผู้ป่วยติดพิษเฉียบพลันอาจต้องเร่งให้การรักษาโดยด่วน
คุณหมอจะส่งสารบำบัดเข้าไปทางหลอดเลือด เพื่อไปไล่ดักจับสารโลหะหนัก ก่อนที่จะปล่อยออกไปนอกร่างกาย ซึ่งสารนี้ก็คือ โปรตีนสังเคราะห์ที่เรียกว่า EDTA โดยคุณหมอจะสาร EDTA นำมาผสมกับสารชนิดอื่น เช่น ผสมวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ หลังจากนั้นจะให้สารล้างสารพิษนี้ทางหลอดเลือดดำ ซึ่งก็เหมือนกับการให้น้ำเกลือทั่วไป
ระหว่างเข้ารับการบำบัดล้างสารพิษหลอดเลือด คุณสามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ เพราะเหมือนกับการนั่งให้น้ำเกลือตามปกติทั่วไป เช่น ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ และอื่น ๆ ดังนั้นจึงเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนการบำบัดที่ง่ายสำหรับผู้เข้ารับการบำบัดเอง
โดยที่สาร EDTA จะเข้าไปจับกับอนุภาคโลหะหนักที่อยู่ในร่างกาย และวิตามินตลอดจนส่วนผสมอื่น ๆ ก็จะเข้าไปฟื้นฟูสุขภาพจากภายใน ซึ่งสาร EDTA ที่จับกับโลหะหนักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะถูกขับออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะ