exosome therapy VS Stem Cell Therapy ต่างกันอย่างไร?

การฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ด้วย exosome therapy และการบำบัดด้วย Stem Cell Therapy จัดเป็น 2 แนวทางหลักที่ใช้ในเวชศาสตร์ฟื้นฟูและเวชศาสตร์ความงาม ซึ่งในปัจจุบัน การฟื้นคืนความเยาว์วัยให้แก่ผิวหนังด้วยการฉีดเอกซ์โซโซมและสเต็มเซลล์ได้รับความสนใจมากขึ้น แต่อะไรคือความแตกต่างระหว่างการบำบัดของ 2 รูปแบบนี้? วันนี้เราก็มีความรู้ดี ๆ มาฝาก

ความแตกต่างระหว่าง Stem cells และ exosomes

การบำบัดด้วย exosome therapy และ Stem Cell Therapy ให้ประโยชน์ที่คล้ายคลึงกันหลายประการ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีความแตกต่าง และรายละเอียดบางอย่างที่คุณต้องทราบก่อนที่จะตัดสินใจเลือกกันดังนี้

การบำบัดด้วยสเต็มเซลล์

Stem Cell Therapy หรือสเต็มเซลล์ เป็นเซลล์ต้นแบบของร่างกาย เซลล์เหล่านี้ทำหน้าที่สร้างเซลล์อื่น ๆ ทั้งหมด เป็นเซลล์ที่มีฟังก์ชันการทำงานแบบพิเศษ ซึ่งทางการแพทย์สามารถเก็บเซลล์จากผู้บริจาคที่มีสุขภาพดีก็ได้ หรือปลูกเซลล์ในห้องแล็บแล้วนำไปใช้ในการบำบัดรักษาก็ได้เช่นกัน

แต่ไม่ว่าจะรับสเต็มเซลล์มาด้วยวิธีใดก็ตาม สามารถนำเซลล์ที่ได้มาแล้วไปใช้ในการฉีดเข้าไปยังส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายได้ หรือนำไปฉีดในรูปแบบการฉีดเข้าเส้นเลือดดำก็ได้เช่นกัน โดยสเต็มเซลล์ได้รับการศึกษามานานแล้วว่า เป็นวิธีการรักษาแบบเวชศาสตร์ฟื้นฟูและเวชศาสตร์ความงาม ใช้ในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่หลากหลาย เช่น

• กระตุ้นทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนเพิ่มมากขึ้น
• ซ่อมแซมฟื้นฟูผิวเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ
• ปรับให้ผิวหนังเปล่งปลั่งสดใส
• เพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวหนัง
• กระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ

การบำบัดด้วยเอกซ์โซโซม

Exosome จัดเป็นส่วนประกอบของเซลล์ที่จะเกิดขึ้นเมื่อเซลล์ 2 เซลล์หลอมรวมเข้าด้วยกัน จะมีลักษณะเป็นถุงเล็ก ๆ ที่ก่อตัวขึ้นหลังจากเซลล์เชื่อมต่อกัน และในที่สุดก็จะแตกตัวออกมาหลังจากที่เซลล์ 2 เซลล์หลอมรวมเข้าด้วยกันแล้ว และถุงขนาดเล็กเหล่านี้คือ Exosome ที่มีหน้าที่นำข้อมูลทางพันธุกรรมและโปรตีนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย

เนื่องจากเอกซ์โซโซมไม่ใช่เซลล์ต้นแบบ จึงไม่สามารถนำมาเพาะปลูกได้ จึงทำให้เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า ถ้าเทียบกับการรักษาด้วยสเต็มเซลล์ คุณสมบัติเด่นของเอกซ์โซโซมมีดังนี้

• ช่วยในการย้อนวัยให้กับทั้งผิวและผม
• ผมขึ้นใหม่มีความดกดำเงางาม ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของเส้นผม โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้นนาน
• เห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ 1-3 ครั้งหลังฉีด
• ย้อนวัยผิว ทำให้ผิวมีความอิ่มน้ำ ลดเลือนริ้วรอย ชะลอความชราของผิว

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างการบำบัดด้วย exosome therapy และการบำบัดด้วย Stem Cell Therapy คือการบำบัดแบบ exosome นั้นปราศจากเซลล์ โดยที่มาของ Exosomes มีการสกัดมาจาก MSCs และนำไปฆ่าเชื้อก่อนนำมาใช้งาน ในขณะที่การบำบัดด้วยเซลล์ต้นกำเนิด (SCT) หรือ Stem Cell ใช้เซลล์ต้นกำเนิดที่ผ่านการฆ่าเชื้อนำมาใช้งาน

ความแตกต่างที่สำคัญอีกประการหนึ่งนั่นก็คือ exosomes มีปัจจัยการเจริญเติบโตประมาณ 3 เท่าของสเต็มเซลล์ในผู้ใหญ่ ดังนั้นจากศักยภาพที่สูงขึ้นนี้เอง จึงทำให้การบำบัดด้วย exosome มีความเป็นไปได้สูงในการซ่อมแซม ฟื้นฟู ปรับสภาพผิวหนัง และฟื้นฟูเซลล์เป้าหมายได้เร็วขึ้น

ประโยชน์ที่คุณจะได้จากการบำบัดด้วยเอกซ์โซโซม

ประโยชน์ที่ได้มาจากการบำบัดด้วย Exosome นั้นมีประโยชน์ที่หลากหลาย ได้แก่

1. ลดการอักเสบ

โดยเฉพาะการอักเสบเรื้อรังที่มีความเชื่อมโยงกับความเสียหายของ DNA การตายของเนื้อเยื่อ และการเกิดแผลเป็นภายใน ซึ่งการบำบัดด้วยเอกซ์โซโซมจะเข้ามาช่วยลดการอักเสบที่เกิดขึ้น เป็นการซ่อมแซมเซลล์ และสร้างใหม่ โดยจะเป็นการลดการอักเสบโดยรวม

2. รองรับการทำงานของเมตาบอลิซึม

ฟังก์ชันเมตาบอลิซึมทำหน้าที่เป็นเตาเผาของร่างกาย ถ้าเมตาบอลิซึมทำงานช้าลง ปัญหาต่าง ๆ ก็จะตามมา เช่น น้ำหนักขึ้น อ่อนเพลีย และกล้ามเนื้อไม่แข็งแรง ดังนั้นการบำบัดด้วยเอกซ์โซโซมจะช่วยเติมพลังให้กับเซลล์ ทำให้เซลล์เผาผลาญสารอาหารได้ดีขึ้นและสร้างพลังงานได้มากขึ้น

3. กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่

ถึงแม้ว่าการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และการออกกำลังกายจะสามารถชะลอการตายของเนื้อเยื่อได้ แต่การบำบัดด้วยเอกซ์โซโซมจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นไปแล้ว หรือช่วยจัดการปัญหาผิวที่กำลังส่อแววว่าผิวของคุณกำลังเสื่อมสภาพ

exosome จะมีการสั่งให้เซลล์สร้างเนื้อเยื่อใหม่ ซึ่งจะช่วยย้อนกลับการเสื่อมสภาพของเนื้อเยื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เกิดการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อใหม่ และการสร้างเซลล์ใหม่ที่สมบูรณ์โดยรวม

การฉีด exosome ร่วมกับ Stem cells ทำได้หรือไม่ และจะเกิดผลลัพธ์อย่างไร?

การฉีด exosome และการฉีดสเต็มเซลล์ สามารถฉีดร่วมกันได้ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรักษาของเวชศาสตร์ฟื้นฟู ด้วยการรวมคุณสมบัติของ Exosome เข้ากับศักยภาพในการฟื้นฟูของสเต็มเซลล์ หวังผลการให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจยิ่งกว่าเดิม

เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหนังแล้ว exosome จะทำงานทันที สามารถเห็นผลได้ในเช้าวันถัดมาหลังจากทำการฉีด แต่สเต็มเซลล์จะใช้เวลาในการออกฤทธิ์ประมาณ 2 – 3 เดือนเพราะจะต้องรอให้เซลล์แตกตัว และผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นมีดังนี้

• ศักยภาพในการฟื้นฟูที่เพิ่มขึ้น : การบำบัดรวมกันของเอกซ์โซโซมและสเต็มเซลล์ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการฟื้นฟูของเซลล์ต้นกำเนิด ช่วยส่งเสริมการซ่อมแซมและการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ที่ดีขึ้น
• ลดการอักเสบ : Exosome สามารถปรับการตอบสนองของภูมิคุ้มกันและช่วยฟื้นฟูกระบวนการอักเสบที่กำลังเกิดขึ้น การฉีดเอกซ์โซโซมและสเต็มเซลล์ไปยังเนื้อเยื่อที่กำลังอักเสบ โดยเฉพาะการอักเสบแบบเรื้อรัง เป็นการบำบัดแบบผสมผสาน ที่สามารถลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวดได้
• ปรับปรุงการทำงานของเซลล์ : เอกซ์โซโซมสามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ได้ ตลอดจนกระตุ้นการก่อตัวของหลอดเลือดใหม่ ซึ่งการบำบัดแบบผสมผสานจะช่วยปรับปรุงการทำงานของเนื้อเยื่อ ด้วยการเสริมการทำงานของเซลล์

ประโยชน์ทางการรักษาที่กว้างขึ้น : การบำบัดแบบผสมผสานของเอกซ์โซโซมและสเต็มเซลล์ จะมีประโยชน์ทางการรักษาที่กว้างกว่า ยกตัวอย่างเช่น การฉีดสเต็มเซลล์จะเป็นแหล่งเพาะเซลล์ใหม่ที่แข็งแรง ในขณะที่การฉีดเอกซ์โซโซมสามารถกระตุ้นกระบวนการรักษาตามธรรมชาติของร่างกาย และควบคุมการสื่อสารของเซลล์ให้ดีขึ้นได้

สรุป

ถ้าคุณสนใจอยากบูสต์ผิวด้วย exosome therapy อยากย้อนวัยเซลล์ผิวให้กลับมาดูเด็กด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ต้อง Exohealer : Mega Exosome Cell Booster ที่มี exosome จำนวนมากถึง 245.7 billion Particles สามารถทะลวงซ่อมแซมได้ลึกระดับเซลล์ ผ่านการฉีดจากทีมแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูชั้นนำจาก Anjali Clinic มาพร้อมโปรโมชันดี ๆ และผ่อน 0% 10 เดือน *เฉพาะบัตรเครดิตที่เข้าร่วมร่วมรายการ