NAD+ Therapy คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
NAD+ (Nicotinamide Adenine Dinucleotide) คือ โคเอ็นไซม์ที่พบได้ในเซลล์ที่มีชีวิตทั้งหมด และมีบทบาทสำคัญในกระบวนการทางชีวภาพต่าง ๆ โดยคุณประโยชน์ของ NAD+ Therapy ได้แก่
- การผลิตพลังงาน: NAD+ มีบทบาทที่สำคัญในกระบวนการเปลี่ยนสารอาหาร เช่น การเปลี่ยน กลูโคสและกรดไขมัน ให้เป็นพลังงานในรูปของอะดีโนซีน ไตรฟอสเฟต (ATP) โดยที่การมีอยู่ NAD+ มีความจำเป็นสำหรับทั้งไกลโคไลซิส (การสลายกลูโคส) และวงจรกรดซิตริก
- การซ่อมแซม DNA: NAD+ มีความเกี่ยวข้องกับกลไกการซ่อมแซม DNA โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกระบวนการต่าง ๆ เช่น การซ่อมแซมการตัดตอนพื้นฐาน หรือ BER ย่อมาจาก Base excision repair และการกระตุ้นโพลีเมอเรสโพลี (ADP - ribose) กลไกเหล่านี้ช่วยรักษาเสถียรภาพของจีโนม และป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นของ DNA
- ปฏิกิริยารีดอกซ์: NAD+ มีส่วนร่วมในปฏิกิริยารีดอกซ์ (Redox - Oxidation) ภายในเซลล์ ทำหน้าที่เป็นตัวนำพาอิเล็กตรอน ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางชีวเคมีที่สำคัญ ที่เกี่ยวข้องกับการเผาผลาญพลังงาน และกระบวนการเซลล์อื่น ๆ
- การส่งสัญญาณของเซลล์: NAD+ มีความเกี่ยวข้องกับการส่งสัญญาณของเซลล์ ที่มีอิทธิพลต่อการทำงานของเซลล์ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการตอบสนองต่อความเครียด การอยู่รอดของเซลล์ และจังหวะการเต้นของหัวใจ
- การทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน: NAD+ มีบทบาทสำคัญ ในการควบคุมการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อการติดเชื้อและการอักเสบ
- การทำงานของกล้ามเนื้อ: NAD+ อาจมีบทบาทในการทำงานของกล้ามเนื้อ และประสิทธิภาพการออกกำลังกาย
บำบัดด้วย NAD+ เหมาะกับใคร
NAD+ (Nicotinamide Adenine Dinucleotide) สามารถพบได้ตามธรรมชาติในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด และมีบทบาทสำคัญในกระบวนการต่าง ๆ ของเซลล์ ในฐานะโคเอ็นไซม์ NAD+ ถือว่าเหมาะสำหรับบุคคลหลายประเภท รวมถึงผู้ที่มีสุขภาพดีและผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพโดยเฉพาะ
- บุคคลที่มีสุขภาพดี: NAD+ มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกาย และมีส่วนช่วยในการทำงานของเซลล์ให้เป็นปกติ ทำหน้าที่ในการผลิตพลังงาน และช่วยในการซ่อมแซม DNA สำหรับบุคคลที่มีสุขภาพดีโดยทั่วไป การรักษาระดับ NAD+ ให้เพียงพอผ่านการรับประทานอาหารที่สมดุล ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการมีสุขภาพที่ดี
- ผู้สูงอายุ: เมื่อมนุษย์มีอายุมากขึ้น ระดับ NAD+ ก็มักจะลดลง งานวิจัยบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าการเพิ่ม NAD+ เข้าไปในร่างกาย จะทำให้เกิดประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับความชรา เช่น สนับสนุนสุขภาพของเซลล์ และการทำงานของระบบเผาผลาญ
- ผู้ชื่นชอบการออกกำลังกาย: NAD+ ยังมีศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายอีกด้วย ซึ่งจะเข้ามาช่วยเสริมความอดทน และการทำงานของกล้ามเนื้อ
- บุคคลที่มีปัญหาด้านสุขภาพ: สามารถใช้ NAD+ ในการแก้ไขปัญหาสภาวะสุขภาพต่าง ๆ รวมถึงความผิดปกติของการเผาผลาญ โรคเกี่ยวกับความเสื่อมของระบบประสาท และความผิดปกติของภูมิต้านตนเอง ผู้ที่มีอาการเหล่านี้ อาจปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ เพื่อเช็กว่าการเสริมสุขภาพด้วย NAD+ จะเป็นทางเลือกการรักษาเสริมที่เหมาะสมหรือไม่
การดริปและการกิน NAD+ ต่างกันอย่างไร
NAD+ Therapy สามารถทำได้ผ่าน 2 วิธีหลัก ได้แก่ การดริป NAD+ ทางหลอดเลือดดำ (IV) และการกิน ซึ่งแต่ละวิธีล้วนมีข้อควรพิจารณาและประโยชน์ที่ได้รับที่แตกต่างกันไป
- การดริป NAD+ ทางหลอดเลือดดำ (IV)
วิธีนี้NAD+ จะถูกส่งเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง ผ่านทางหลอดเลือดดำ (IV) ข้อดีคือเรื่องการดูดซึม NAD+ จะเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็วและสมบูรณ์ ทำให้มีประสิทธิภาพในสารเข้าสู่ร่างกายในปริมาณสูง และสามารถควบคุมปริมาณยาได้อย่างแม่นยำ จะต้องมีการดำเนินการในคลินิกหรือสถานพยาบาลและต้องได้รับการดูแลทางการแพทย์
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร NAD+ มักอยู่ในรูปแบบของแคปซูลหรือยาเม็ด และจะถูกดูดซึมผ่านระบบย่อยอาหาร การทานอาหารเสริมนั้นรับประทานได้ง่าย และสามารถกินได้เองที่บ้านโดยไม่ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์
ผลลัพธ์แตกต่างกันหรือไม่?
การบำบัดด้วยการดริป NAD+ ทางหลอดเลือดดำ (IV) เป็นการนำสาร NAD+ เข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง ซึ่งส่งผลทำให้มีการส่ง NAD+ ไปยังเซลล์ได้อย่างรวดเร็วมากกว่า
และจะมีประสิทธิภาพมากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับการทานอาหารเสริมNAD+
แต่การบำบัดด้วย IV NAD+ จะต้องได้รับการดูแลผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ในทุกขั้นตอน และต้องปรับการบำบัดให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคลมากกว่า เพราะเป็นขั้นตอนทางการแพทย์ที่มีความละเอียดอ่อน มากกว่าการทานนั่นเอง
ข้อควรระวัง
ก่อนที่จะตัดสินใจเข้ารับการ บำบัดด้วย NAD+ ควรปรึกษาคุณหมอ และศึกษาข้อมูลให้เข้าใจก่อนเริ่มทำการบำบัดเพื่อพิจารณาว่าการบำบัดในรูปแบบนี้มีความเหมาะสมกับคุณหรือไม่
และยังเป็นขั้นตอนในการตัดสินใจด้วยว่า จะเลือกเข้ารับการบำบัดด้วยการ การดริป NAD+หรือทานในรูปแบบอาหารเสริมดีกว่า เพราะผู้เข้ารับบริการแต่ละคน ต่างก็มีเงื่อนไขทางด้านสุขภาพที่แตกต่างกันและสุดท้ายควรเลือกใช้บริการกับสถานพยาบาลที่เชื่อถือได้ ตรงตามมาตรฐานคุณภาพเท่านั้น
กลุ่มผู้ที่ไม่แนะนำให้ทำการบำบัดด้วย NAD+
- สตรีมีครรภ์ เนื่องจากอาจส่งผลต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้
- มารดาที่ให้นมบุตร เช่นเดียวกับสตรีมีครรภ์ เพื่อเป็นการให้ความสำคัญแก่ทารก
- ผู้ที่มีอาการป่วยโรค ตับ ไต ระบบเผาผลาญ หรือระบบภูมิคุ้มกัน
- ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ที่มีโรคแพ้ภูมิตนเอง ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน หรือผู้รับการปลูกถ่าย
- ผู้ที่มีปัญหาระบบทางเดินอาหาร
ต้องบำบัดด้วย NAD+ บ่อยแค่ไหน ถึงเห็นผล
การบำบัดด้วย NAD+ แนะนำให้ทำเฉลี่ยประมาณ 1 ครั้ง/สัปดาห์ ในระยะเวลา 4 สัปดาห์ต่อกัน และเพิ่มเติมด้วยการบำบัดด้วย NAD+ Therapy 1 - 2 ครั้ง/เดือน ซึ่งปริมาณของ NAD+ และระยะของการบำบัดจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละคน ซึ่งต้องได้รับการประเมินด้วยคุณหมอ และสุขภาพร่างกายของคุณ